บันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่อง การพิจารณาโทษทางวินัยพนักงานส่วนท้องถิ่นตามมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายหลังการมีคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดง
ที่ อ. ๑๐๓๗/๒๕๕๘ (เรื่องเสร็จที่ ๑๒๒๒/๒๕๕๙)
-------------------------------------------------------------------------------
ประเด็น มติ ก.จ. ก.ท และ ก.อบต. ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๙ ที่วางแนวปฏิบัติการพิจารณาโทษทางวินัยตามมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยให้ถือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ ๒/๒๕๔๖ และความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๑) ในเรื่องเสร็จที่ ๑๕๘/๒๕๕๑ นั้น ถูกต้องหรือไม่
-------------------------------------------------------------------------------
คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๑) วินิจฉัยว่า ไม่อาจพิจารณาให้ความเห็นทางกฎหมายตามประเด็นข้อหารือนี้ได้ตามข้อ ๙ (๑) และ (๒) แห่งระเบียบคณะกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ. ๒๕๒๒ เนื่องจากข้อหารือของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นนี้จำเป็นต้องพิจารณาเรื่องขอบเขตการใช้อำนาจชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นประเด็นเดียวกันกับที่สำนักงาน ป.ป.ช.
ได้ยื่นเรื่องต่อศาลปกครองและศาลรัฐธรรมนูญแล้ว
อย่างไรก็ดี กรณีที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นเห็นว่า คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่
อ. ๑๐๓๗/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ ไม่สอดคล้องกับความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๑) ในเรื่องเสร็จที่ ๑๕๘/๒๕๕๑ นั้น เห็นว่า คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดดังกล่าววินิจฉัยว่า มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ชี้มูลความผิดทางวินัยอื่นนอกจากการทุจริตต่อหน้าที่ เป็นการชี้มูลความผิดทางวินัยที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังกล่าว จึงไม่มีผลผูกพันตามมาตรา ๙๒ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ
ส่วนความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๑)
ในเรื่องเสร็จที่ ๑๕๘/๒๕๕๑ นั้น มีประเด็นโดยสรุปว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยการกระทำความผิดทางวินัยที่
ไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้หรือไม่
ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาได้วินิจฉัยไว้เป็นเบื้องต้นว่า การที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมีมติว่าคำกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐมีมูลความผิดทางวินัยหรือมูลความผิดทางอาญาตามมาตรา ๙๑ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ ได้นั้น จะต้องปรากฎว่ามูลความผิดตามคำกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐและมูลความผิดที่ปรากฎจากการไต่สวนข้อเท็จจริงนั้นเป็นมูลความผิดที่อยู่ในขอบอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
พ.ศ. ๒๕๕๒ ด้วย ดังนั้น ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๑) ในเรื่องเสร็จที่ ๑๕๘/๒๕๕๑ จึงไม่ขัดหรือแย้งต่อ
คำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดคดีหมายเลขแดงที่
อ.๑๐๓๗/๒๕๕๘ แต่อย่างใด
Cr.ชมรมคนรักคดีปกครอง
cr: ท่านปลัด amphol yutigomin
เขียนโดย คุณ อบต.โพกรวม
วันที่ 19 ก.ย. 2559 เวลา 13.33 น. [ IP : 202.139.199.39 ]