ข้อหารือเกี่ยวกับการเสนอราคาของผู้รับจ้างที่เป็นบุคคลธรรมดา ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7
เขียนโดย คุณ อบต.โพกรวม
วันที่ 24 ส.ค. 2558 เวลา 15.53 น. [ IP : 1.179.170.213 ]
วันที่ 3 มี.ค. 2564 เวลา 14.40 น. [ IP : 202.151.7.30 ]
การจัดทำราคากลาง ตามหลักเกณฑ์ราคากลางงานก่อสร้างของราชการ มองในมุมผู้รับจ้างเป็นผู้มาทำงานก่อสร้างให้ราชการ ราชการจึงคิดค่าใช้จ่ายให้ผู้รับจ้าง ตามที่ผู้รับจ้างต้องจ่ายจริงและมีค่าตอบแทนให้กับผู้รับจ้าง คือกำไร หลักการที่สำคัญของการจัดทำราคากลางงานก่อสร้างของราชการคือ มองในมุมผู้รับจ้างเป็นผู้ดำเนินงานก่อสร้าง และเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างก่อน แล้ว จึงเบิกเงินจากราชการภายหลัง เมื่อผู้รับจ้างมีค่าใช้จ่ายอะไร ราชการก็จะคิดราคาให้ผู้รับจ้าง ตามที่ต้องจ่ายในการทำงานก่อสร้าง ให้กับราชการ ซึ่ง ค่าใช้จ่ายในการทำงานก่อสร้าง มี 2 ส่วน คือ
ราคากลาง กับ ผู้รับจ้างไม่จด ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
17/2/20170 Comments
Picture
ราคากลาง กับ ผู้รับจ้างไม่จด ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
กรณีมีหน่วยงานตรวจสอบ มีความเห็นว่า ส่วนราชการ / อปท. ทำให้ราชการเสียหาย โดยการไม่ปรับลดงบประมาณลงจากราคากลางก่อนทำสัญญาจ้าง เนื่องจากผู้รับจ้างไม่ได้จดภาษีมูลค่าเพิ่ม หน่วยงานตรวจสอบเห็นว่า ต้องปรับลดค่าก่อสร้างลงในส่วนที่เป็นภาษีมูลค่าเพิ่มในราคากลางงานก่อสร้างของราชการ หรือกรณี หน่วยงานตรวจสอบทักท้วงกรณีจ้างผู้รับจ้างที่ไม่จดภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่เสนอราคาต่ำสุด โดยไม่เทียบกับราคาที่ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้เสนอราคารายอื่นที่จดภาษีมูลค่าเพิ่ม ขอแสดงความเห็น เพื่อให้เพื่อนๆ พิจารณา ดังนี้
การจัดทำราคากลาง ตามหลักเกณฑ์ราคากลางงานก่อสร้างของราชการ มองในมุมผู้รับจ้างเป็นผู้มาทำงานก่อสร้างให้ราชการ ราชการจึงคิดค่าใช้จ่ายให้ผู้รับจ้าง ตามที่ผู้รับจ้างต้องจ่ายจริงและมีค่าตอบแทนให้กับผู้รับจ้าง คือกำไร หลักการที่สำคัญของการจัดทำราคากลางงานก่อสร้างของราชการคือ มองในมุมผู้รับจ้างเป็นผู้ดำเนินงานก่อสร้าง และเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างก่อน แล้ว จึงเบิกเงินจากราชการภายหลัง เมื่อผู้รับจ้างมีค่าใช้จ่ายอะไร ราชการก็จะคิดราคาให้ผู้รับจ้าง ตามที่ต้องจ่ายในการทำงานก่อสร้าง ให้กับราชการ ซึ่ง ค่าใช้จ่ายในการทำงานก่อสร้าง มี 2 ส่วน คือ
1.ค่างานต้นทุน ประกอบด้วย
-ค่าวัสดุก่อสร้าง(รวมค่าขนส่ง)
-ค่าแรงงานก่อสร้าง
2.ค่าดำเนินงานในการก่อสร้าง หรือที่เรียกว่า ค่า Factor F อันประกอบไปด้วย
- ค่าอำนวยการ หรือ ค่าบริหารจัดการในการดำเนินงานก่อสร้าง
- ดอกเบี้ย ที่ผู้รับจ้างไป * * * ้ยืมเงินจากธนาคารมาเพื่อทำงานกับราชการ
- ภาษี ซึ่งหมายถึงภาษีที่ผู้รับจ้างต้องจ่าย ในการซื้อวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ สินค้า หรือ จ้างบริการต่างๆ เพื่อดำเนินงานก่อสร้างให้สำเร็จตามโครงการ โดยหลักเกณฑ์ราคากลางได้กำหนดให้ใช้อัตราภาษีที่ใช้ในการคำนวณราคากลาง โดยให้เป็นไปตามอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยให้กำหนดเป็นตัวเลขกลม กรณี อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเศษ ถ้าเศษถึง 0.50 ให้ปัดขึ้น ถ้าไม่ถึง 0.50 ให้ปัดลง
- กำไร เป็นค่าตอบแทน ที่ผู้รับจ้าง ต้องได้รับจากการที่ต้องลงทุนลงแรงในการประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
จากหลักเกณฑ์ราคากลาง จะเห็นว่า ไม่ว่าผู้รับจ้างจะจดภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่จดก็ตาม เมื่อ ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง มาทำงานก่อสร้างให้กับราชการ ผู้รับจ้างก็ต้องมีค่าใช้จ่าย ในการเสียภาษี เท่าเทียมกัน (ให้คิดถึงเวลาเรา ไปซื้อของใน 7-11 เราไม่ได้จด Vat เราก็เสีย vat) ผู้รับจ้างที่ไม่ได้จด ภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ได้ มีสิทธิ์พิเศษอะไร ที่จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนที่เป็นภาษีในจัดซื้อสินค้าหรือจัดหาบริการมาดำเนินงานก่อสร้างให้กับราชการ ในทางตรงกันข้าม ผู้รับจ้างที่จดภาษีมูลค่าเพิ่ม สามารถขอคืนภาษีจากสรรพากรจากภาษีซื้อสินค้าและบริการเพื่อทำงานก่อสร้างให้กับราชการ ผู้รับจ้างที่จดภาษีมูลค่าเพิ่ม จึงได้รับประโยชน์จากระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่จะสามารถ ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มบางส่วนได้ แต่ ผู้รับจ้างที่ไม่จดภาษีมูลค่าเพิ่ม จะไม่สามารถขอคืนภาษีที่จ่ายไปในการซื้อสินค้าหรือบริการ เพื่อมาทำงานก่อสร้างให้กับส่วนราชการได้ กรณีที่เข้าใจว่า ผู้รับจ้างที่ไม่จดภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้เปรียบผู้รับจ้างที่จดภาษีมูลค่าเพิ่ม จึงไม่ถูกต้อง เพราะ ตามหลักเกณฑ์ราคากลาง ผู้จ่ายภาษี คือ ผู้รับเหมาที่มารับจ้างก่อสร้าง ไม่ใช่ส่วนราชการผู้ว่าจ้าง
ที่มา
https://www.yotathai.com/
เขียนโดย คุณ อบต.โพกรวม
วันที่ 5 มี.ค. 2564 เวลา 15.24 น. [ IP : 159.192.142.115 ]