ที่ดินของวัด บทความทางพุทธศาสนา
ที่ดินของวัด
บทความทางพุทธศาสนา
แน่ล่ะที่ดินของวัดย่อมมิใช่ที่ดินของใครคนใดคนหนึ่ง แม้กระทั้งเจ้าอาวาสวัดก็ไม่ใช้เจ้าของที่ดิน ที่วัดตั้งอยู่ หากแต่ว่าวัดมีฐานะเป็นนิติบุคคล และเจ้าอาวาสเป็นผู้แทนของวัดในกิจการทั่วไป ท่านจึงมีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาที่ดินของวัดเท่านั้น ส่วนที่ดินที่เจ้าอาวาสได้มาโดยส่วนตัว เช่นพินัยกรรมยกให้ท่าน (มิใช่ยกถวายวัด) ท่านซื้อด้วยเงินส่วนตัวที่ดินนั้นย่อมไม่ใช่ที่ดินของวัด
ตามกฎหมายสงฆ์ที่ดินของวัดมี 2 ชนิด ได้แก่ ที่วัดคือที่ดินที่วัดนั้นตั้งอยู่และที่ธรณีสงฆ์ คือที่ดินซึ่งเป็นสมบัติของวัด ที่ดินนี้อาจจะอยู่ติดต่อกับที่วัดหรืออยู่ * * * งไกลจากวัด ทั้งที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ไม่มีใครสามารถซื้อขายได้ ถึงตรงนี้ก็จะมีคำถามขึ้นว่าถ้าจำเป็นจะต้องดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดกับที่ดินของวัด จะกระทำได้หรือไม่ อย่างไร คำตอบก็คือที่ดินของวัดเป็นทรัพย์สินที่ไม่อยู่ในความรับผิดชอบแห่งการบังคับคดี บุคคลใดจะยกอายุความขึ้นต่อสู้ก็มิได้ เว้นเสียแต่ว่า
ประการแรก ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของวัดขอโอนกรรมสิทธิ์ ทั้งนี้โดยความเห็นชอบจากมหาเถรสมาคม แต่จะใช้ที่ดินวัดฟรีก็ไม่ได้ เพราะว่าหากเจ้าอาวาสรูปใดให้ใครใช้ที่วัดฟรีๆ ท่านก็ผิดวินัยสงฆ์ ในกรณีของส่วนราชการจึงต้องมีการจ่ายค่าทดแทน เรียกว่า ค่าผาติกรรม
(การผาติกรรมที่ดินของวัดคือ การโอนที่ดินกรรมสิทธิ์ในที่ดินวัด ไม่ว่าจะเป็นที่ตั้งวัดหรือที่ธรณีสงฆ์ให้แก่ส่วนราชการซึ่งจำเป็นต้องใช้ที่ดินวัด เช่น ตัดถนนทางหลวงวัด สร้างคลองชลประทาน เขื่อน ฯลฯ โดยการผาติกรรมดังกล่าวต้องมีการตราพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินวัดหรือที่ธรณีสงฆ์ให้แก่หน่วยราชการนั้นๆ หรือมีพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ค่าทดแทนที่จ่ายแก่วัดเรียกว่า เงินค่าผาติกรรม)
ประการที่สอง เอกชนมีที่ดินของตนอยู่ติดต่อกับที่ดินของวัด แต่ที่ดินของเอกชนไม่มีทางออกเป็นที่ดินตาบอด ประสงค์จะขอทางออกผ่านที่ดินของวัด ต้องขอทำสัญญาเช่าที่ดินของวัดเพื่อเป็นทางเข้าออก เรียกว่า การขอจดทะเบียนทางภาระจำยอมผ่านที่ดินของวัด (มติมหาเถรสมาคมครั้งที่ 18 / 2540 กำหนดว่า ในกรณีที่มีผู้ขอทำสัญญาและจดทะเบียนทางภาระจำยอมผ่านที่วัดหรือที่ธรณีสงฆ์ ให้เจ้าอาวาสวัดนั้นส่งแผนผังสังเขปประกอบด้วย ตำแหน่งที่ตั้งวัดหรือที่ธรณีสงฆ์ ที่ดินแปลงที่ขอภาระจำยอม ขนาดของภาระจำยอม เช่น ความกว้าง ความยาว และจำนวนเนื้อที่ โดยเข้ามาตกส่วนให้ชัดเจน สำเนาโฉนดที่ดินแปลงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เงินบำรุงวัด เงื่อนไขพิเศษอื่นๆ ไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เมื่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติรับเรื่องและตรวจสอบความถูกต้องแล้ว นำเสนอคณะกรรมการพิจารณางบประมาณศาสนสมบัติกลางประจำ (พศป.) พิจารณาเมื่อเห็นสมควรนำเสนอมหาเถรสมาคมเห็นชอบตามข้อเสนอ เมื่อมหาเถรสมาคมเห็นชอบ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจึงแจ้งมติให้วัดดำเนินการต่อไป)
ทบทวนอีครั้งนะครับ หากส่วนทางราชการขอใช้ที่ดินของวัดต้องขอผาติกรรม และหากเป็นเอกชนขอผ่านที่ดินของวัดต้องจดทะเบียนทางภาระจำยอม
นอกจากที่ซึ่งตั้งวัดและที่ธรณีสงฆ์อันเป็นที่ดินของวัดหรือเป็นศาสนสมบัติแล้ว เราคงได้ยินคำว่ากัลปนา ที่ดินซึ่งมิใช่ที่ดินของวัดหากแต่เป็นที่ซึ่งมีผู้อุทิศแต่ผลประโยชน์ให้วัดหรือพระศาสนา เช่นนายสมชายมีศรัทธาอันแรงกล้ายกที่ดิน 5,000 ไร่ ให้วัดแต่ถวายหรือโอนที่ดินนั้นให้เป็นกรรมสิทธิ์ของวัด ถวายเพียงค่าเช่าที่ดินหรือผลประโยชน์ใดๆที่เกิดขึ้นแก่วัด ที่ดินนั้นยังเป็นกรรมสิทธิ์ของนายสมชาย จึงมิใช่ที่ดินของวัด เป็นเพียงที่กัลปนา
ที่วัดที่ธรณีสงฆ์ อันเป็นที่ดินของวัด ต่อมามีการยกเลิกวัด ทรัพย์สินของวัดที่ถูกยกเลิกจ้องตกเป็นศาสนสมบัติกลาง หรือวัดใดกลายสภาพเป็นวักร้าง ที่ดินของวัดรวมทั้งทรัพย์สินของวัด ย่อมอยู่ในความดูแลของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เริ่มงงหรือยังครับท่านผู้อ่าน ถ้ายังไม่งงผมมีเรื่องคุยเกี่ยวกับที่ดินศาสนสมบัติอีก เกรงว่าจะทำให้ท่านผู้อ่านสับสนยิ่งขึ้น ขอยกไปคราวหน้านะครับ
สมชาย สุรชาตรี
สำนักงานศาสนสมบัติ
เขียนโดย คุณ อบต.โพกรวม
วันที่ 24 ส.ค. 2558 เวลา 15.49 น. [ IP : 1.179.170.213 ]
|